ทริปยุโรป เยอรมัน-ออสเตรีย-เช็ก#10 : Hallstatt
เมือง Hallstatt (ฮัลล์สตัทท์ )
- นั่งรถบัสสาย 150 จ่ายคนละ 10.60 EUR ไปลง Bad Ischi
- จาก Bad Ischi นั่งรถสาย 542 จ่ายคนละ 5.30 ไปลง Hallstatt Gosaumuhle
- จากนั้นขึ้นรถสาย 543 ไม่เสียเงินยื่นตั๋วที่จ่ายตอนนั่ง 542 แสดงให้ดู มาลงที่ Hallstatt Lahn
- จาก Bad Ischi นั่งรถสาย 542 จ่ายคนละ 5.30 ไปลง Hallstatt Gosaumuhle
- จากนั้นขึ้นรถสาย 543 ไม่เสียเงินยื่นตั๋วที่จ่ายตอนนั่ง 542 แสดงให้ดู มาลงที่ Hallstatt Lahn
- พักที่ Gasthof Bergfried ราคาคืนละ 95 EUR
- ซื้อขนมที่ร้าน Supermarket
โดยนั่งบัสสาย 150 จากหน้าสถานีรถไฟ Salzburg ไปลงสุดสายที่เมือง Bad Ischl (ระหว่างทาง รถจะวิ่งเลียบทะเลสาบ Wolfgang วิวแถบนี้จะสวยมาก ถ้าอยากนั่งเรือล่องทะเลสาบด้วย ให้แวะลงเดินเที่ยวที่เมือง St.Gilgen ซึ่งเป็นเมืองน่ารักอีกเมืองที่อยู่ริมทะเลสาบ แล้วลงเรือไปขึ้นที่เมือง St.Wolfgang เพื่อเดินเที่ยวเมืองและโบสถ์ ถ้าออกแต่เช้าและมีเวลาพอก็อาจนั่งรถไฟเล็กขึ้นยอดเขาไปชมวิวที่สวยสุดๆด้วย แล้วมาขึ้นรถบัสสาย 546 ต่อไป Bad Ischl) อาจแวะเดินเล่นใน Bad Ischl ได้นิดหน่อย แล้วต่อรถไฟไปลงที่สถานี Hallstatt แล้วข้ามเรือไปHallstatt (หรือ ต่อบัสสาย 542 จากหน้าสถานีรถไฟ Bad Ischl ไปลงที่กลางเมือง Hallstatt เลย โดยไม่ต้องข้ามเรือ แต่ระหว่างทางจะต้องมีการต่อบัสสาย 543 อีกที จะต่อรถไฟหรือต่อรถบัส ขึ้นกับตารางเวลา ปกติรถไฟจะวิ่งถี่กว่าบัส)
เช็คตารางรถบัสในออสเตรียได้จาก http://www.postbus.at ให้เช็คจากหมวด Timetable แล้วเลือก สาย 150 สำหรับรัฐ Salzburg และสาย 546, 542, 543 สำหรับรัฐ Upper Austria
เช็คตารางรถบัสในออสเตรียได้จาก http://www.postbus.at ให้เช็คจากหมวด Timetable แล้วเลือก สาย 150 สำหรับรัฐ Salzburg และสาย 546, 542, 543 สำหรับรัฐ Upper Austria
ในเมืองฮัลล์สตัทท์จะมีถนนเลียบริมทะเลสาบสายเดียว มีระยะทางประมาณ 300 เมตร เรียกว่า See Strasee ใครที่ขับรถไปที่เมืองนี้จะต้องไปจอดรถที่ทางเมืองจัดเตรียมไว้ให้และจะมีรถรับส่งมาที่ในตัวเมือง ซึ่งจะเหมือนถนนคนเดิน รถที่เข้ามาในถนนเส้นนี้จะคือรถส่งของ รถโรงแรม เป็นต้น ที่นี้มีร้านขายของฝาก ของที่ระลึกที่ศิลปินพื้นบ้านออกแบบเอง งานประดิษฐ์ด้วยไม้ เกลือแบบต่างๆ รวมทั้งผลึกก้อนเกลือ ที่ทาง เป็นระยะสลับกับบ้านเรือสไตล์อัลไพน์ตลอดสาย บ้านจะอยู่ระดับพื้นดิน บ้างอยู่บนหน้าผาลดหลั่นกันเป็นชั้น ๆ และบ้านแต่ละหลังก็จะประดับประดาด้วยของเก่า ดอกไม้หลากสีสันสวยงาม ตลอดทางที่เดินชมหมู่บ้าน จะตื่นตาตื่นใจกับบ้านหลังโน้นหลังนี้ที่เรียงราย ลดหลั่น แต่เก็บรักษาความคลาสสิกไว้ครบถ้วน หลายบ้านนำเครื่องมือ เครื่องใช้ตั้งแต่ครั้งโบราณ เช่น อุปกรณ์ทำงานในเหมืองเกลือ สื่งของในการหุงหาประกอบอาหาร เครื่องดนตรีรูปร่างแปลกตา มาประดับประดาด้านนอกของบ้านเรือน สะท้อนวัฒนธรรม วิถีการดำรงชีวิตของบรรพบรุษในอดีต ดูราวกับกำลังเล่าเรื่องราวในอดีตว่ามีความเป็นไปอย่างไรให้ฟัง ซึ่งสามารถมาเที่ยวที่นี้ได้ทุกฤดูกาลและแต่ละฤดูก็จะสวยแตกต่างกันไป
นอกจากนี้ยังมีแหล่งท่องเที่ยวบริเวณใกล้เคียงที่สามารถเดินไปได้ อยู่ข้างหลังหมู่บ้านได้อีก 2 แห่ง คือ เหมืองเกลือโบราณ Salzwelten ที่เก่าแก่ที่สุดในโลก คนโบราณเปิดเหมืองแห่งนี้มากว่า 3,000 ปีก่อนคริสตกาล อยู่บนภูเขาสูงกว่าระดับน้ำทะเลราว 838 เมตร โดยสามารถนั่งกระเช้า Furnicular ขึ้นไปได้ในเวลาแค่ 3 นาที จากนั้นต้องเดินต่อไปตามทาง จะมีป้ายบอกตลอดทางและยังสามารถถ่ายรูปวิวแบบ panoramaได้อีกด้วย ข้างบนจะมีร้านอาหาร สามารถนั่งจิบกาแฟ ดื่มไวน์หรือเบียร์ท้องถิ่น แสนสบาย ปลอดโปร่งดีแท้ แล้วอย่าลืมสูดอากาศบริสุทธ์ให้เต็มปอด เหมืองเกลือโบราณ จะเปิดให้เที่ยวชมเฉพาะในช่วงเดือนเมายน-ตุลาคม โดยเกลือจากเหมืองนี้จะถูกส่งไปขายทั่วยุโรป สร้างงานและรายได้ให้กับคนที่เมืองมหาศาล จนเกลือจากที่นี่ได้สมญาว่าเป็น White Gold! เมือง Hallstatt นับเป็นหมู่บ้านที่เงียบ สงบและสวยอันดับหนึ่งของโลกก็ว่าได้ เหนือคำบรรยาย
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น